น้อยนักที่จะมีภาพยนตร์เกย์สักเรื่องที่มีโทนที่สดใส เปี่ยมด้วยความสุขและสมหวัง ไม่รันทดบีบน้ำหน้าตาหรือเศร้าโศกเพราะคนรักลาจากในตอนท้าย และส่วนมากหนังเกย์เหล่านี้มักจะมาจากสตูโอหรือผู้สร้างที่เป็นค่ายเล็กๆ แต่แล้วในที่สุด ค่ายหนังยักษ์ใหญ่อย่าง 20th Century Fox ก็ได้จับเอานิยายเกย์ขายดีมาเรียงร้อยเรื่องราวให้ได้โลดแล่นบนจอ ซึ่งถือได้ว่าเป็นหนังเกย์เรื่องแรกที่มาจากสตูโอใหญ่ของฮอลลีวู้ด
หนังเกย์ที่จะกล่าวถึงก็คือเรื่อง Love, Simon (อีเมลลับฉบับ, ไซมอน) ซึ่งดัดแปลงมาจากนิยายขายดีที่ชื่อว่า Simon vs. the Homo Sapiens Agenda แต่งโดย Becky Albertalli เล่าเรื่องเกี่ยวกับ Simon เด็กหนุ่มไฮสคูลที่ปกปิดตัวเองจากคนรอบข้างรวมทั้งครอบครัวว่าเขานั้นเป็นเกย์ แต่แล้ววันนึงก็เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน ที่อาจจะส่งผลให้ความลับที่เขาปกปิดมาตลอดนั้น ถูกเปิดเผยแก่ทุกคนรอบๆ ตัวเขาได้
ในฉบับหนังนี้ บทของ Simon รับบทโดย Nick Robinson ที่หลายๆ คนคุ้นหน้าจากหนังเรื่อง Jurassic World ร่วมด้วยนักแสดงสมทบมากฝีมือ Jennifer Garner และ Josh Duhamel ในบทแม่และพ่อของ Simon และ Katherine Langford จากซีรีย์ 13 Reasons Why และหนังเรื่องนี้กำกับโดย Greg Berlanti (คู่ชีวิตของนักฟุตบอลชื่อดัง Robbie Rogers นั่นเอง)
แน่นอนว่าเมื่อถูกดัดแปลงมาเป็นหนัง บางสิ่งบางอย่างจากนิยายก็อาจจะถูกเปลี่ยนไปด้วย แต่เนื้อเรื่องหลักๆ ยังคงไว้อย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นการปกปิดตัวตนที่แท้จริงๆ ของ Simon หนุ่มปริศนาที่เป็นเกย์เช่นเดียวกันกับเขา จนทำให้เขาเกิดอาการตกหลุมรักหนุ่มปริศนาคนนี้ในที่สุด ไปจนถึงเหตุการณ์ที่สุ่มเสี่ยงต่อการเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของตัว Simon เอง
แต่ที่เป็นจุดเด่นของตัวหนังก็คือ การเล่าเรื่องที่พอดี ไม่ฟูมฟายเหมือนหนังเกย์ที่เราเคยได้ดูมา มีทั้งพาร์ทที่สนุกจนทำเอาเราหัวเราะ ไปจนถึงพาร์ทที่เศร้าและซึ้งจนเรากลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ เรียกว่าโดยรวมของหนังทำออกมาได้กลมกล่อมเลยทีเดียว ส่วนการแสดงของนักแสดงทุกคนในเรื่องนั้น เรียกได้ว่าไม่มีใครกินกันลงเลยทีเดียว โดยเฉพาะหนุ่ม Nick Robinson แค่สายตาเศร้าๆ ก็สามารถทำให้เราเชื่อว่าเขากำลังมีปัญหาใหญ่อยู่ในใจ
ส่วนประเด็นเรื่องการเป็นเกย์ การเปิดเผยตัวตน รวมทั้งการยอมรับจากรอบข้าง ไปจนถึงการกลั่นแกล้งที่เกิดขึ้นในโรงเรียนไฮสคูลของอเมริกาที่ฝังรากลึกมาอย่างยาวนาน ตัวหนังก็สามารถถ่ายทอดและสะท้อนปัญหาเหล่านี้ได้อย่างสมจริง และหนังเลือกที่จะบอกกับคนดูและสังคมว่าเกย์ก็คือคนๆ หนึ่ง ไม่ได้ผิดปกติแต่อย่างใด และการออกมาเปิดเผยตัวตนของคนที่เกย์นั้นไม่ใช่เรื่องที่แปลกประหลาดอีกต่อไป รวมทั้งเรื่องราวของความรักที่ไม่ได้จำกัดที่เพศชายกับเพศหญิง ความรักนั้นเกิดขึ้นได้ทุกๆ คน และทุกคนสมควรที่จะมีเรื่องราวความรักที่ยิ่งใหญ่เป็นของตัวเอง
ด้วยข้อความจากหนังที่ส่งถึงคนดูได้อย่างดีเยี่ยมนี้เอง เหล่าบรรดาดาราชื่อดังของฮอลลีวู้ได้ทำการเหมาโรงและรอบฉายของหนังเรื่องเพื่อให้แฟนๆ และคนที่อยากดูหนังเรื่องได้ดูกันแบบฟรีๆ อีกด้วย ดาราเหล่านั้นได้แก่ Matt Bomer, Kristen Bell, Jesse Tyler Ferguson ไปจนถึง Neil Patrick Harris