แม่ครับ … ผมเป็นเกย์ครับ

ปัญหาการสารภาพกับครอบครัวของเพศทางเลือก ถือเป็นปัญหาหนักอกสำหรับใครหลายคน มีแฟนเพจจำนวนมากทัก Inbox เข้ามาแล้วสอบถามถึงปัญหาข้างต้นกันหลายท่าน ส่วนใหญ่ ประเด็นอยู่ที่กลัวพ่อแม่เสียใจ จึงไม่อยากแสดงความจริงเรื่องเพศของตนเองมากนั้น สำหรับบางท่านที่เคยลองสารภาพไปแล้ว แต่กลับได้รับ Feedback ที่ไม่ดีนักจากทางครอบครับกลับมา ก็มักจะมีอาการเครียด กดดัน รู้สึกหมดกำลังใจในการดำเนินชีวิต

แท้จริงแล้ว Dude สารภาพเลยนะครับว่า กำลังใจจากทางครอบครัวนั้นถือเป็นกำลังใจสำคัญในการดำเนินชีวิตของผู้ที่เป็นเพศทางเลือก หากวันหนึ่งเขาเหล่านั้นได้รับการยอมรับจากครอบครัวแล้ว ปัญหาและอุปสรรคหลายๆ อย่างในชีวิตของเพศทางเลือกนั้น จะสามารถก้าวผ่านไปได้ง่ายกว่าเดิม (ด้วยพื้นฐานที่ว่าคนเหล่านี้มีความสามารถ และผ่านช่วงเวลากดดันของชีวิตที่สะสมมานาน)

เมื่อไม่นานมานี้ Dude  ได้มีโอกาสไปชมภาพยนตร์เรื่อง Front Cover ที่เป็นหนัง LGBT จากผู้กำกับฮ่องกง เนื้อความตอนหนึ่งในหนัง ได้มีฉากที่คุณแม่กล่าวไว้ว่า “เราเป็นครอบครัวคนจีน ที่อาจจะหัวโบราณการที่จะมายอมรับความเปลี่ยนแปลงอะไรแบบนี้ อาจต้องใช้เวลาซักหน่อย ตอนนี้ที่เขามาสารภาพว่าไม่ได้ชอบผู้หญิง ที่บ้านก็ไม่มีใครคุยกับเขาเลย เป็นเวลาเกือบปี…จนกระท่ังอาม่าล้มป่วย ทุกคนจึงรับรู้ว่า…แท้จริงแล้วชีวิตคนเรามั้นสั้น จะโกรธกัน ไม่คุยกันด้วยสาเหตุแบบนี้ ก็คงจะไม่มีอะไรดี ทุกฝ่ายก็คงไม่สบายใจ”

ฉากนี้ทำให้เหตุการณ์หลายๆอย่างในหนังได้ถูกเปลี่ยนแปลงไป  มีคำกล่าวคำหนึ่งของต่างประเทศ คำนึงเคยกล่าวไว้ว่า “แม่ทุกคนรู้ดีว่าลูกตนเองเป็นอย่างไร หากแต่เรื่องของการยอมรับนั้นอาจต้องใช้เวลา” สำหรับใครที่มีปัญหาเรื่องการบอกความจริงกับครอบครัว Dude เองคงเป็นกำลังใจให้ทุกท่านได้ผ่านจุดนั้นไปให้ได้

สำหรับ Dude เองตอนที่สารภาพจำได้ดีว่า วันนั้นค่ำแล้ว รู้สึกว่ามันถึงเวลาแล้วที่เราต้องบอก เพราะหลังจากนี้เราเองก็ต้องการสร้างครอบครัว และลองศึกษาความรักอย่างจริงจัง คำแรกที่ผมได้บอกแม่ไปว่า “แม่…ผมไม่เหมือนพี่ชายนะ…ผมไม่ได้ชอบผู้หญิง…ผมชอบผู้ชาย” คำแรกที่แม่ถามกลับมาคือ “ไปชอบใครเข้าหล่ะ” แหม่แม่ก็ช่างรู้ทันลูกชายเสียจริงๆ แต่ตอนนั้นผมยังไม่ได้มีแฟนเลยครับ แค่อยากบอกให้ท่านรู้จากปากเท่านั้นเอง คำกล่าวหนึ่งที่แม่พูดไว้ได้ดีก็คือ “จริงๆ พ่อกับแม่ก็เคยคุยกันเรื่องนี้มาหลายครั้งแล้ว ว่า Dude เองไม่เหมือนกับพี่ชาย ก็รู้มาตลอดแต่ก็ไม่อยากถามไม่อยากพูดเพราะกลัวลูกจะเสียใจ  (ตอนนี้ Dude น้ำตาหยอดแหมะๆเลย) จริงๆ เรื่องแบบนี้ Dude ไม่ต้องร้องไห้ก็ได้นะ มันไม่ใช่เรื่องผิด และลูกก็ไม่ได้ทำผิดอะไรด้วย ที่ผ่านมาแม่ก็รู้ว่าลูกพยายามเป็นเด็กดีและตั้งใจเรียนมาตลอด หลังจากนี้ต้องทำงานแล้วก็ตั้งใจทำงาน ไม่ต้องคิดมากเรื่องแค่นี้ … อ้อ อีกเรื่องนึงถ้าวันนึงมีแฟน ก็ไม่ต้องคิดมากนะ พามาเจอพ่อแม่ได้เลย ลูกรักใครแม่ก็รักคนนั้นแหละ ที่ห่วงอย่างเดียวก็คือ หาคนดีดีมาเป็นแฟนนะ หาคนที่เขาเข้าใจเรา แม่เองก็ห่วงแค่เรื่องนี้กับเรื่องการใช้เงิน เพราะนอกจากนั้นหนูก็ดูแลตัวเองได้ดีมาตลอด”