Dude : อยากให้ทั้งสองท่านแนะนำตัวกันซักหน่อยครับ ว่าชื่ออะไร ชื่อเล่นอะไร เป็นลูกครึ่งอะไรกันหรือเปล่า
มิน : สวัสดีครับ ชื่อ พีรพงษ์ สุทธวิรีสรรค์ (ญาติพี่น้อง เพื่อนเก่า เพื่อนมหาลัยจะรู้จักในชื่อ “ภูมินทร์” มากกว่าครับ) ชื่อเล่น “มิน” ผมเป็นคนไทยเชื้อสายจีนครับ

เทมส์ : ผมชื่อ เทมส์ครับ เทมส์ ไกรทัศน์ ชื่อเล่นกับชื่อจริงชื่อเดียวกันเลยครับ `ชื่อเดียวกับชื่อแม่น้ำ Thames ที่ประเทศอังกฤษครับ คุณพ่อเป็นคนไทยเชื้อสายจีน ส่วนคุณแม่เป็นคนไอร์ริช (UK) ครับ
Dude : ตอนนี้ทั้งคู่ทำงานอะไรกันอยู่ครับ
มิน : ปัจจุบันเราสองคนทำธุรกิจส่วนตัวด้านอสังหาริมทรัพย์ด้วยกันที่ภูเก็ตครับ เมื่อก่อนผมทำงานอยู่ในองค์กรที่เกียวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์ ที่กรุงเทพฯ เป็นงานพวก CSR ด้านการสนับสนุนการทำนุบำรุงศาสนาและองค์กรมูลนิธิต่างๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับสถาบันฯ อยู่ที่นั่นได้ประมาณ 8 ปี รู้สึกว่าอิ่มตัวแล้ว ประกอบกับในช่วงท้ายในการทำงานที่นั่น ได้เจอกับเทมส์และความสัมพันธ์เราก็พัฒนากันไปได้ดี พี่จึงอยากใช้อนาคตที่และชีวิตช่วยกันทำงาน จึงตัดสินใจย้ายมาที่ภูเก็ตครับ
เทมส์ – ส่วนตัวผมเอง ผมชอบทำอาหารมาก หลังจากเรียนจบก็กลับมาเรียนเชฟต่อ ที่กอร์ดองเบลอดุสิตครับ หลังจากนั้นได้เข้าเป็นสมาชิกโรตารี ซึ่งโรตารีเป็นองค์กรการกุศลสากล นักธุรกิจในท้องถิ่นสามารถมารวมตัวกันตั้งสโมสรหรือเข้ามาเป็นสมาชิกได้ โดยอุทิศเวลา แรงกาย และทุนทรัพย์ เพื่อบำเพ็ญประโยชน์ในท้องถิ่นของตน
ในกรณีของผมที่ทำอยู่ตอนนี้ คือสโมรโรตารีอันดามันครับ ทำงานมาระยะหนึ่ง ก็ได้รับเลือกเป็นนายกสโมสร ปีบริหาร 2559-2560 (วาระนายกสโมสรโรตารีคือ 1 ปี)
มิน – ตอนนี้เรากำลังก่อสร้างออฟฟิศใหม่ เพราะที่เก่าสถานที่ไม่อำนวย และก็กำลังสร้างบ้านใหม่กันด้วยครับ สิ่งที่สนุกกว่านั้นคือเราทั้งสองเลือกที่จะไม่จ้าง Interrior Designer (ตอนนี้ก็เลยมาเถียงกันทุกวัน เรื่องของตกแต่งบ้าน (หัวเราะ) แต่ก็มีสีสันดีครับ)
Dude : เรื่องราวความรักของทั้งคู่เกิดขึ้นได้อย่างไรครับ เจอกันที่ไหน ใครจีบใครก่อน คบกันมาระยะเวลาเท่าไหร่แล้วครับ
เทมส์ – ก็เห็นคนๆ นี้แอดมาในเฟซบุค แต่ก็ไม่คุยอะไร (ตอนแรกแอบรู้สึกว่า หยิ่งจัง) ส่วนพี่เองก็ไม่ยอมทัก (กลัวแห้ว) ส่องกันไปส่องกันมาพักใหญ่ ก็รวบรวมความกล้าแล้วทักไป … ก็คุยๆ ทำความรู้จักกันระยะหนึ่ง จนผมไปกรุงเทพฯ เลยไปเดทกัน จำได้เลยว่าที่ร้าน Chef Man แค่เพราะอยากกินอาหารจีน (โคตรไม่โรแมนติก) ก็ไปนั่งดื่มต่อที่หลังสวน หลังจากนั้นก็แยกย้ายกันกลับครับ
มิน – ตอนนั้นโสดครับ พี่แอดเฟซบุคเทมส์เค้าไปก่อน เห็นว่าลูกครึ่งคนนี้น่ารักดี *_* เทมส์เค้ารับแอดแต่เราก็ยังไม่มีการคุยอะไรกัน กดไลค์กันไปคอมมเมนต์กันมา จนกระทั่งวันนึงได้มาคุยกันจริงๆ แล้วก็ตกลงเป็นแฟน ช่วงแรกอยู่คนละที่ พี่อยู่กรุงเทพฯ เทมส์อยู่ภูเก็ต ผลัดกันบินไปหากันแล้วแต่โอกาส ตอนนี้คบกันมา 1 ปีครึ่ง แล้วครับ

Dude : เห็นทั้งคู่ไปเที่ยวด้วยกันหลายที่ มีทริปไหนที่ประทับใจ หรืออยากเล่าให้พวกเราฟังมั้ยครับ ลองหยิบมาซัก 1 ที่ก็ได้ครับ ^^
มิน – ที่ประทับใจที่สุดคือ ทริปอังกฤษครับ เป็นทริปไกลของเราสองคนเป็นครั้งแรก ได้เช่ารถขับตระเวนเที่ยวต่างประเทศด้วยกันครั้งแรก ที่สำคัญยังได้ไปพบกับครอบครัวของเทมส์ที่ New Castle และคุณแม่ของเทมส์ก็บินจากไทยมาสมทบด้วย
เทมส์ – ผมก็ว่าอังกฤษเหมือนกันครับ 😉

Dude : เห็นภาพที่เป็นภาพที่ทั้งคู่ใส่สูท เดินจูงมือกัน เป็นงานอะไรหรอครับ (เป็นการเซอร์ไพรส์อะไรหรือเปล่า เล่าให้พวกเราฟังได้มั้ยครับ ^^)
เทมส์ – (หัวเราะ) จริงๆ แล้ววันนั้น เป็นงานถ่ายแบบครับ…. พี่ที่รู้จักกันโทรมาชักชวน ไปถ่ายรูปทำ Wedding Package ให้กับโรงแรมแห่งหนึ่งในภูเก็ตนี่แหละครับ
มิน – พี่ก็ไม่รู้เขาจะใช้รูปเรารึเปล่านะ 555 แต่เราก็ได้รูปสวยๆ มา เพื่อนๆ หลายคนที่เห็นรูปก็นึกว่ามีข่าวดีกันไปแล้ว ถ้าถามว่านี่เป็นเซอร์ไพรส์ไหม… พี่ว่าคู่รักทุกคู่เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมก็คงจะมีข่าวดีกันทุกคน 🙂
Dude : สำหรับชาว LGBT หลายคนจะมีปัญหาการบอกความจริงกับทางครอบครัว (ว่าเป็นเกย์) อย่างพี่ Thames และพี่มินเอง ได้เปิดเผยเรื่องนี้กับทางครอบครัวตอนไหนครับ แล้วตอนนั้นทางครอบครัวว่ายังไงมั่งครับ หลายคนในเพจ Dude adam มีปัญหาเกี่ยวกับการเปิดเผยความจริงว่าเป็นเกย์กับครอบครัว คุณทั้งสองคนเคยมีประสบการณ์แบบนั้นมั้ยครับ / ตอนนั้นแก้ปัญหาอย่างไร แล้วมีอะไรอยากแนะนำคนอื่นๆ ในเพจมั้ยครับ
เทมส์ – พี่เริ่มเปิดเผยตอนอายุ 25 ครับ… ซึ่งทางครอบครัวก็ไม่มีปัญหาอะไรนะครับ อาจจะเป็นเพราะพี่มีชีวิตที่อิสระจากครอบครัวตั้งแต่เด็ก พอโตขึ้นมา ครอบครัวก็เคารพการตัดสินใจของพี่ด้วย …อีกอย่าง คุณแม่พี่เป็นฝรั่ง เลยมีแนวคิดที่เปิดว้างอยู่แล้วครับ ตอนวัยรุ่นก็กลัวๆ ครับ… ก็เริ่มจากการบอกคนสนิทในชีวิต (ในกรณีของพี่คือ แม่ น้า ลูกพี่ลูกน้อง) ที่เรามั่นใจว่าเขาจะรับได้ เพื่อที่เราจะได้ใช้ชีวิตอย่างผ่อนคลายกับคนๆ นั้น หรือกลุ่มนั้น พอเราเริ่มผ่อนคลาย วงของคนที่เรากล้าบอกก็จะค่อยกว้างขึ้นๆ ครับ
มิน – ตอนที่คุณแม่พี่รู้ น่าจะเมื่อ 5-6 ปีที่แล้ว คุณแม่หน้าซีดมากครับ ( – -“) คงตกใจมาก พี่เลยบอกว่า “สิ่งที่พี่เป็นพี่ไม่ได้เลือกที่จะเป็นหรือไม่เป็น แต่มันเป็นมาจากข้างใน…” คุณแม่พี่พูดว่า แม่ไม่เชื่อ แม่จะพยายามหาคำตอบ…!!! (เห็นว่าคุณแม่พี่ไปถามศาสนาจารย์ที่โบสถ์และไปถามเพื่อนที่เป็นหมอมาเลย) หลังจากนั้นผ่านไปเกือบ 4 เดือน เราได้คุยโทรศัพท์กัน อยู่ดีๆ คุณแม่ก็พูดว่า จะเป็นอะไรไม่สำคัญ ยังไงก็เป็นลูกของแม่เสมอ ขอเพียงเป็นคนดีพอ…
Dude : มีความประทับใจอะไรในกันและกันครับ หากพูดข้อดีของอีกฝ่ายได้ คิดว่าอะไรเป็นสิ่งแรกที่นึกถึง
เทมส์ – สำหรับผม คงเป็นความเอาใจใส่ในรายละเอียดในทุกๆ เรื่อง เรื่องเล็กๆ ตั้งแต่บีบยาสีฟันวางไว้ให้ทุกๆวัน (บางวันพี่ไม่ได้อาบน้ำจนตอนเย็น ก็จะเห็นยาสีฟันแห้งกรอบอยู่บนแปรง 5555) จนถึงเรื่องอนาคตบั้นปลายชีวิตของเราสองคนว่าจะไปเกษียณกันที่ไหน … พี่มินเป็นคนที่มั่นคงและเสมอต้นเสมอปลาย… พบกันวันแรกยังไง ปัจจุบันก็ยังเป็นเช่นนั้น… (และชอบกัดหูพี่ตั้งแต่คบกันใหม่ๆ ปัจจุบันถ้าไม่ได้กัดก็คงนอนไม่หลับ… บางครั้งเวลางอลกันเบาๆ พี่จะเอาหูไปทดสอบ ว่ากัดมั้ย… ถ้ากัด ก็จะดีกันเร็วขึ้น)
มิน – ตอนนี้เราใช้ชีวิตด้วยกันแล้ว มันคือความเป็นไปทุกๆ วัน อาจจะไม่หวานเหมือนคู่ที่คบกันใหม่ๆ แต่สิ่งแรกที่ได้จะนึกถึงและได้ยินบ่อยสุดจากเทมส์ก็คือ โดนด่าเป็นภาษาใต้ 555555555 (ล้อเล่น…) สิ่งแรกที่จะนึกถึงเทมส์คือ เวลาที่พี่กวนหรือพูดอะไรไม่เข้าใจกันเหมือนเค้าจะโกรธแต่ก็ไม่โกรธนี่แหละ เป็นอะไรที่เราเห็นได้ถึงการให้อภัยเล็กๆ น้อยๆ กันได้ ซึ่งเค้ามีสิ่งนี้ เสมอๆ ครับ
Dude : ตอนนี้กระแสการแต่งงานและรับบุตรบุญธรรมมาเลื้ยงกำลังเป็นที่แพร่หลาย (ในหลายประเทศ) เคยคุยกันมั้ยครับ เรื่องการมีลูกหรือบุตรบุญธรรม
มิน – พี่คิดว่าการแต่งงานมีความหมายต่อทุกเพศ เราสองคนก็พอมีแพลนกันไว้บ้างครับ แต่ในเรื่องบุตรบุญธรรมนั้นส่วนตัวพี่คิดว่า ในสังคมที่ยังไม่เปิดกว้างมากนัก เด็กที่เป็นลูกบุญธรรมเมื่อเค้าโตขึ้นพอรับรู้ได้ จะเจอคนรอบข้างถามเกี่ยวกับเรื่องครอบครัว เด็กอาจจะเกิดปัญหาข้างในจิตใจหรืออาจกลายเป็นปัญหาสังคมได้ ถ้าหากคู่ใดอยากมีลูก พี่ว่าไปอุปถัมภ์หลานหรือบุตรธิดาของญาติๆ เราเอง น่าจะดีกว่าครับ
เทมส์ – พี่เคยคิดอยากมีลูกของพี่เองนะ จริงๆ คุณแม่ยังถามอยู่เรื่อยๆ ว่าจะได้เลี้ยงหลานเมื่อไหร่… การมีลูกของเราเองก็ทำได้ไม่ยาก ปัจจุบันวิทยาศาสตร์ทำได้ทุกอย่าง… ยิ่งคุณแม่ของพี่ก็ offer ที่จะเลี้ยงหลานเอง… แต่สุดท้ายพี่ก็เห็นด้วยกับพี่มิน ว่าสังคมเรายังไม่พร้อม และเด็กก็อาจจะโตมาแบบมีปมครับ
Dude : ใครหลายคนมองว่า รักแท้ในเพศทางเลือกเป็นไปได้ยาก คุณสองคนคิดอย่างไรครับ
เทมส์ – รักแท้หาได้ยากในทุกเพศและทุกประเภทความรักครับ ไม่ได้จำกัดอยู่แต่ชาวเพศทางเลือก ขอแค่มีความศรัทธาและความซื่อสัตย์ให้กันและกันครับ
มิน – พี่ว่า ขึ้นอยู่กับคนสองคนนิยามมัน แต่พี่ว่าพี่เชื่อในรักแท้ที่มีอยู่จริง (ซึ่งตอนนี้อยู่ตรงหน้านี่ไง <3 ) คือ การมีและได้รับการซื่อสัตย์ และการมีและให้ใจเค้าใจเราเสมอ
Dude : ฝากอะไรถึงคนที่หมดหวังในความรักหน่อยครับ
เทมส์ – ไม่อยากหมดหวัง ก็อย่าตั้งความหวัง แต่ก็อย่าขาดศรัทธา… ความรักเป็น “ อนัตตา“ (ไม่มีตัวตน) ฉะนั้นมันไม่เคยทำร้ายใคร มีแต่เรานั่นแหละที่ไปคาดหวังมากเกินไป… ทำทุกวันให้ดีที่สุด ทำสิ่งที่ควรทำ ทำยังไงก็ได้ที่เราจะไม่กลับมา Regrets ทีหลัง แล้วคนใดที่มันไม่ใช่ไม่เวิร์ค มันก็ไม่เวิร์ค ก็อย่าไปฝืน… บางครั้งความรักก็เหมือนการพนัน ต้องเอาใจกับใจมาวัดกัน
มิน – อย่ามองอะไรสุดโต่งและคาดหวังมากเกินไปครับ บางคนชอบหวังว่าให้แล้วจะต้องได้กลับเสมอ เวลาไม่มีแฟนก็คาดหวังว่าเมื่อไหร่จะมีหรือต้องหาให้ได้ มันจะทุกข์มันจะเหงา ส่วนถ้าหากมีแฟนแล้วก็อย่าสุดโต่งครับ อย่าใช้ความรัก ความหวังดีมากไปจนทำให้กลายเป็นอึดอัด และลด “อัตตา” ลง เรื่องนี้ใช้ได้ทั้งพ่อแม่-ลูก พี่-น้อง เพื่อนในกลุ่ม หัวหน้ากับลูกน้อง และในอีกหลายๆ สถานะครับ
พี่ว่าเราไม่ควรหมดหวังในความรักนะครับ ความรักชนะทุกสิ่ง (สโลแกนประจำตัว อิอิ) ชนะใจเรา ชนะอัตตาในตัวเรา… ส่วนชาวเราที่ผิดหวังในความรัก ให้กลับไปอยู่คนเดียวในพื้นที่ของเรา สติไตร่ตรองให้ได้ กลับไปหาคุณแม่คุณพ่อ และค่อยกลับไปแก้ไขหรือเดินก้าวต่อครับ
Dude : เห็นว่าพี่เทมส์ ชอบทำอาหาร หากให้เปรียบเทียบ พี่มิน เป็น อาหาร / ขนมหวาน หรือเครื่องดื่ม อะไรก็ได้ 1 อย่าง คิดว่าเป็นอะไร … เพราะอะไรครับ
เทมส์ – ขอเปรียบเป็นเครื่องดื่มนะครับ Campari Orange (เหล้า Campari ผสมน้ำส้มสด) Campari เป็นรสชาติที่คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยดื่ม เพราะมีความขมค่อนข้างเยอะ แต่สำหรับคนที่ รับรู้และเข้าใจถึงรสชาติมัน ความขมของมันนี่แหละคือความอร่อย เป็นเหล้าไม่กี่ชนิดที่ดืมยังไงก็ไม่เบื่อ ยิ่งผสมความเปรี้ยวหวานของน้ำส้มสด ที่มาเติมเต็มให้รสชาติของค็อกเทลแก้วนี้น่าค้นหามากครับ
สุดท้ายนี้ หากมีแฟนๆ อยากติดตามทั้งสองคน สามารถติดตามได้ทางช่องทางไหนบ้างครับ
พี่เทมส์ – ที่ instagram: mr_thames และที่ Facebook ชื่อ Thames Kraitat

พี่มิน – ที่ instagram: poooomin และที่ facebook พิมพ์ @poooomin หรือชื่อ peerapong suttavireesan ครับ
https://www.instagram.com/poooomin/

อยากได้แบบนี้บ้างอยากมีคู่แบบนี้
สุดๆครับ